ユニウェブ

ข้อกำหนดการใช้งาน

 

ข้อกำหนดการใช้บริการ Uniweb ข้อตกลงนี้ (ต่อไปนี้เรียกว่า “ข้อกำหนดนี้”) กำหนดเงื่อนไขต่าง ๆ รวมถึงความสัมพันธ์ด้านสิทธิและหน้าที่ระหว่างลูกค้าและบริษัท Kiva (ต่อไปนี้เรียกว่า “บริษัท”) ในการใช้บริการเว็บแอคเซสซิบิลิตี้ "Uniweb" (ต่อไปนี้เรียกว่า “บริการนี้”) ที่บริษัทให้บริการแก่ลูกค้า

 

มาตรา 1 (การใช้บังคับ)

  1. ข้อกำหนดนี้กำหนดเรื่องที่ลูกค้าต้องปฏิบัติตามในการใช้บริการนี้ซึ่งบริษัทให้บริการตามสัญญาการใช้บริการ Uniweb (ต่อไปนี้เรียกว่า “สัญญาการใช้บริการ”) ที่ลูกค้าและบริษัทตกลงร่วมกัน และมีผลบังคับใช้กับทุกความสัมพันธ์ที่เกี่ยวข้องกับการใช้บริการนี้
  2. ข้อกำหนดนี้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่การทำสัญญาการใช้บริการและถือเป็นส่วนเพิ่มเติมของสัญญานั้น โดยจะถูกพิจารณารวมกับสัญญาการใช้บริการ และเงื่อนไขในสัญญาการใช้บริการจะถูกนำมาใช้กับข้อกำหนดนี้ในขอบเขตที่เหมาะสมตามเนื้อหาและลักษณะของสัญญา
  3. ความหมายของคำศัพท์ที่ใช้ในข้อกำหนดนี้จะเหมือนกับความหมายในสัญญาการใช้บริการ เว้นแต่จะมีการระบุไว้เป็นอย่างอื่นในข้อกำหนดนี้

 

มาตรา 2 (ระยะเวลาของสัญญา)

ระยะเวลาการให้บริการนี้เป็นไปตามระยะเวลาที่ระบุในข้อกำหนดสัญญา หากทั้งบริษัทหรือฝ่ายลูกค้าไม่แจ้งเป็นลายลักษณ์อักษรก่อนสิ้นเดือนสุดท้ายของเดือนก่อนวันที่สัญญาจะหมดอายุ สัญญาจะต่ออายุโดยอัตโนมัติด้วยเงื่อนไขเดียวกับข้อกำหนดนี้และข้อกำหนดสัญญาในระยะเวลาเดียวกัน และจะดำเนินการในลักษณะนี้ต่อไป

 

มาตรา 3 (บัญชีผู้ใช้)

  1. บริษัทจะออกหมายเลขผู้ใช้และรหัสผ่านของลูกค้า (ต่อไปนี้เรียกรวมกันว่า “บัญชีผู้ใช้”) สำหรับการใช้บริการนี้ ให้แก่ลูกค้าที่ผ่านกระบวนการลงทะเบียนที่จำเป็นเรียบร้อยแล้ว
  2. ลูกค้าต้องรับผิดชอบในการบริหารจัดการและเก็บรักษาบัญชีผู้ใช้นี้อย่างเหมาะสมด้วยตนเอง และไม่อนุญาตให้บุคคลที่สามใช้บัญชีนี้ ไม่ว่าจะโดยการยืมให้ โอนสิทธิ์ เปลี่ยนชื่อเจ้าของ หรือจำหน่ายทางการค้าไม่ว่ากรณีใด ๆ ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะด้วยตนเองหรือโดยพนักงานของลูกค้า
  3. ความรับผิดชอบต่อความเสียหายที่เกิดขึ้นจากการบริหารจัดการบัญชีอย่างไม่เหมาะสม ความผิดพลาดในการใช้งาน หรือการใช้งานโดยบุคคลที่สาม จะเป็นความรับผิดชอบของลูกค้าแต่เพียงผู้เดียว และบริษัทจะไม่รับผิดชอบใด ๆ ทั้งสิ้น
  4. การใช้งานบริการนี้ผ่านบัญชีที่ออกให้หลังจากที่บัญชีถูกสร้างขึ้นแล้วจะถือเป็นความรับผิดชอบของลูกค้าแต่เพียงผู้เดียว
  5. หากลูกค้าพบว่าบัญชีถูกขโมยหรือมีบุคคลที่สามใช้งาน ลูกค้าต้องแจ้งให้บริษัททราบทันทีและปฏิบัติตามคำแนะนำจากบริษัท
  6. บริษัทอาจระงับการใช้บริการของลูกค้าได้ หากบริษัทเห็นว่าบัญชีผู้ใช้อาจถูกใช้โดยมิชอบตามมาตรฐานของบริษัท ในกรณีนั้น ลูกค้าจะต้องดำเนินการตามขั้นตอนที่บริษัทกำหนดเพื่อยกเลิกการระงับการใช้บริการ และบริษัทจะไม่รับผิดชอบใด ๆ หากลูกค้าไม่สามารถใช้บริการได้เนื่องจากการระงับการใช้บริการดังกล่าว

 

มาตรา 4 (บริการนี้)

  1. บริษัทจะพยายามอย่างเต็มที่ในเชิงพาณิชย์เพื่อให้เว็บไซต์ของลูกค้าที่นำบริการนี้ไปใช้สอดคล้องกับมาตรฐานความเข้าถึงเว็บ (Web Accessibility) ได้แก่ มาตรฐาน WCAG2.2 และมาตรฐาน JIS X 8341-3:2016 ในระดับการปฏิบัติตาม AA
  2. ลูกค้าสามารถใช้บริการนี้ได้ตามวิธีที่บริษัทกำหนด ภายในระยะเวลาที่สัญญาการใช้งานยังมีผลบังคับใช้ ภายใต้ขอบเขตของวัตถุประสงค์ของข้อกำหนดนี้และโดยไม่ละเมิดข้อกำหนดเหล่านี้
  3. การเตรียมและบำรุงรักษาเครื่องคอมพิวเตอร์ ซอฟต์แวร์ อุปกรณ์อื่น ๆ สายสื่อสาร และสภาพแวดล้อมการสื่อสารต่าง ๆ ที่จำเป็นสำหรับการใช้บริการนี้ จะเป็นหน้าที่และค่าใช้จ่ายของลูกค้าเอง
  4. ลูกค้าจะต้องดำเนินมาตรการด้านความปลอดภัย เช่น การป้องกันไวรัสคอมพิวเตอร์ การป้องกันการเข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุญาต และการป้องกันการรั่วไหลของข้อมูล ตามสภาพแวดล้อมการใช้งานของตนเอง โดยใช้ค่าใช้จ่ายและความรับผิดชอบของตนเอง

 

ข้อ 5 (หน้าที่ในการรายงาน)

  1. ลูกค้าต้องตรวจสอบทันทีหลังจากเริ่มใช้บริการนี้เพื่อดูว่ามีความผิดปกติในการใช้งานหรือไม่ และติดต่อบริษัทโดยเร็วที่สุด
  2. หากพบความผิดปกติในการใช้งานบนเว็บไซต์บริการหลังจากที่บริษัทได้ปรับปรุงหรืออัปเดตเนื้อหาบริการนี้ ลูกค้าต้องติดต่อบริษัททันทีตามความเหมาะสม
  3. บริษัทจะพยายามแก้ไขข้อผิดพลาดที่ได้รับแจ้งโดยเร็วที่สุด โดยเริ่มจากข้อผิดพลาดที่สำคัญที่สุดก่อน
  4. ลูกค้าต้องรายงานสถานะการใช้บริการและเรื่องอื่น ๆ ที่บริษัทกำหนด ตามวิธีที่บริษัทกำหนด เมื่อบริษัทร้องขอในทุกเวลา
  5. หากข้อมูลในรายงานตามวรรคก่อนหน้าไม่เป็นความจริงหรือไม่ถูกต้อง ลูกค้าจะต้องชดใช้ค่าเสียหายทั้งหมด (รวมถึงค่าทนายความ) และความสูญเสียที่บริษัทได้รับ และบริษัทสามารถยกเลิกสัญญาการใช้งานทันทีโดยแจ้งให้ลูกค้าทราบ

 

ข้อ 6 (ข้อห้าม)

ลูกค้าไม่อนุญาตให้กระทำการใด ๆ ดังต่อไปนี้ในการใช้บริการนี้

  1. การกระทำที่ละเมิดกฎหมายหรืออาจเข้าข่ายความผิดทางอาญา
  2. การกระทำที่ขัดต่อศีลธรรมอันดีของสังคม
  3. การใช้บริการนี้เพื่อแข่งขันกับบริการของบริษัท หรือใช้ในทางที่กีดขวาง ทำลาย หรือก่อให้เกิดความเสียหายแก่การใช้บริการของบริษัท
  4. การละเมิดสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญา ความลับทางการค้า สิทธิภาพลักษณ์ สิทธิส่วนบุคคล ชื่อเสียง หรือสิทธิและผลประโยชน์ที่ได้รับการคุ้มครองทางกฎหมายของบริษัท ลูกค้ารายอื่น หรือบุคคลที่สามอื่น
  5. การก่อให้เกิดภาระเกินความจำเป็นต่อบริการนี้ (หรือเครือข่าย)
  6. การเข้าถึงบริการนี้ (หรือเครือข่าย) โดยมิชอบ หรือพยายามเข้าถึงโดยมิชอบ
  7. การหลีกเลี่ยงหรือพยายามหลีกเลี่ยงข้อจำกัดในการเข้าถึงหรือการใช้งานบริการนี้
  8. การดีคอมไพล์ ดิสแอสเซมบลี หรือการวิเคราะห์ย้อนหลัง (Reverse Engineering) ซอฟต์แวร์ของบริษัทในรูปแบบใด ๆ
  9. การส่งข้อมูลที่มีไวรัสคอมพิวเตอร์หรือโปรแกรมอันตรายอื่น ๆ
  10. การใช้บริการนี้เกินกว่าวัตถุประสงค์หรือในลักษณะที่ละเมิดสิทธิ์หรือผลประโยชน์ที่ถูกต้องของบุคคลที่สาม
  11. การอนุญาตใช้บริการนี้ซ้ำ หรือให้เช่าหรือจัดการบริการนี้แก่บุคคลที่สาม
  12. นอกจากนี้ การกระทำที่บริษัทพิจารณาว่าไม่เหมาะสม

 

ข้อ 7 (การเปลี่ยนแปลงบริการนี้)

  1. บริษัทสามารถเปลี่ยนแปลงเนื้อหาของบริการนี้ได้ตลอดเวลา ตามดุลยพินิจของบริษัท เพื่อเพิ่มฟังก์ชัน รักษาหรือปรับปรุงคุณภาพ อย่างไรก็ตาม บริษัทไม่รับประกันว่าการเปลี่ยนแปลงจะรักษาฟังก์ชันหรือความสะดวกสบายให้เทียบเท่ากับก่อนการเปลี่ยนแปลงสำหรับลูกค้า
  2. บริษัทจะไม่รับผิดชอบต่อความเสียหายใด ๆ ที่เกิดขึ้นกับลูกค้าจากมาตรการที่บริษัทดำเนินการตามวรรคก่อนหน้า

 

ข้อ 8 (การระงับบริการ ฯลฯ)

  1. หากเกิดกรณีใดกรณีหนึ่งตามข้อที่กล่าวข้างล่าง บริษัทสามารถระงับหรือหยุดให้บริการทั้งหมดหรือบางส่วนโดยไม่ต้องแจ้งให้ลูกค้าทราบล่วงหน้า
    1. ในกรณีที่มีการตรวจสอบหรือบำรุงรักษาระบบคอมพิวเตอร์ของบริษัทที่เชื่อมต่อกับการใช้งานบริการนี้เป็นประจำหรือฉุกเฉิน
    2. ในกรณีที่คอมพิวเตอร์หรือสายสื่อสารถูกหยุดชะงักเนื่องจากเหตุการณ์ไม่คาดฝัน
    3. ในกรณีที่ไม่สามารถให้บริการนี้ได้เนื่องจากเหตุสุดวิสัย เช่น ไฟไหม้ ไฟดับ ภัยธรรมชาติ หรือเหตุการณ์อื่นๆ
    4. กรณีอื่น ๆ ที่บริษัทเห็นว่าจำเป็นต้องหยุดหรืองดให้บริการ
  2. บริษัทสามารถยุติการให้บริการนี้ได้ตามความเหมาะสมของบริษัท และในกรณีดังกล่าว บริษัทจะแจ้งให้ลูกค้าทราบล่วงหน้า
  3. บริษัทไม่รับผิดชอบต่อความเสียหายใด ๆ ที่เกิดขึ้นแก่ลูกค้าจากการดำเนินการตามมาตรการที่บริษัทดำเนินการตามข้อกำหนดในบทนี้

 

ข้อที่ 9 (ทรัพย์สินทางปัญญา)

  1. ชื่อบริการ เครื่องหมาย การออกแบบ ผลงานโปรแกรมรวมถึงระบบนี้ สิทธิ์ในการจดสิทธิบัตรสำหรับการประดิษฐ์และแนวคิดที่เกิดขึ้นระหว่างการให้บริการ และความรู้ในการดำเนินงานของบริการนี้ ทรัพย์สินทางปัญญาที่เกี่ยวข้องกับบริการนี้ทั้งหมดจะถูกสงวนไว้เป็นของบริษัท
  2. บริษัทสามารถใช้ประโยชน์จากข้อเสนอแนะและข้อเสนอแนะเพื่อการปรับปรุงจากลูกค้าและลูกค้าของลูกค้าเกี่ยวกับบริการนี้ได้อย่างเสรีเพื่อวัตถุประสงค์ในการพัฒนาธุรกิจรวมถึงการปรับปรุงบริการนี้

 

ข้อที่ 10 (การรักษาความลับข้อมูลทางเทคนิค)

  1. ลูกค้าและบริษัทจะรักษาความลับข้อมูลทางเทคนิคของฝ่ายตรงข้ามที่ได้รับรู้ในระหว่างการปฏิบัติสัญญาการใช้บริการอย่างเคร่งครัด และจะไม่เปิดเผยหรือรั่วไหลให้บุคคลที่สาม และจะไม่ใช้ข้อมูลเหล่านั้นนอกจากเพื่อวัตถุประสงค์ในการปฏิบัติตามหน้าที่ตามสัญญาการใช้บริการ
  2. ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ลูกค้าและบริษัทจะไม่ต้องรับผิดชอบต่อข้อผูกมัดใด ๆ ตามข้อก่อนหน้าในข้อมูลที่สามารถพิสูจน์ได้ว่าตรงตามข้อใดข้อหนึ่งต่อไปนี้
    1. ข้อมูลที่เป็นที่รู้จักสาธารณะอยู่แล้วในเวลาที่เปิดเผยหรือให้ข้อมูล
    2. ข้อมูลที่ได้ถือครองก่อนการเปิดเผยหรือให้ข้อมูล
    3. ข้อมูลที่กลายเป็นที่รู้จักสาธารณะหลังจากการเปิดเผยหรือให้ข้อมูลโดยไม่ใช่เหตุจากความผิดของตนเอง
    4. ข้อมูลที่ได้รับรู้จากการพัฒนาของตนเองหลังจากการเปิดเผยหรือให้ข้อมูล
    5. ข้อมูลที่ได้รับอย่างถูกกฎหมายจากบุคคลที่สามที่มีอำนาจโดยไม่ติดพันหน้าที่รักษาความลับหลังจากการเปิดเผยหรือให้ข้อมูล

 

ข้อที่ 11 (การกำจัดกลุ่มต่อต้านสังคม)

  1. ลูกค้าและบริษัทรับรองและแถลงต่อกันและกันว่าตนเองหรือผู้ถือหุ้นที่ควบคุม ตลอดจนกรรมการและพนักงาน ไม่ตกอยู่ในกลุ่มที่ระบุในข้อข้อต่อไปนี้ (ต่อไปนี้เรียกรวมว่า “กลุ่มต่อต้านสังคม”)
    1. แก๊งค์อาชญากรรม
    2. สมาชิกหรือสมาชิกรองของแก๊งค์อาชญากรรม
    3. บริษัทที่เกี่ยวข้องกับแก๊งค์อาชญากรรม ผู้ร่วมประชุมพิเศษ กลุ่มความรุนแรงเฉพาะทาง สถาบันหรือบุคคลที่มีพฤติกรรมต่อต้านสังคม เช่น การใช้ความรุนแรง อำนาจ การฉ้อโกง การข่มขู่ การเรียกค่าไถ่ เพื่อหวังผลประโยชน์ หรือสมาชิกในกลุ่มดังกล่าว
  2. ลูกค้าและบริษัทจะต้องไม่มีความสัมพันธ์ในลักษณะใด ๆ กับกลุ่มต่อต้านสังคมหรือผู้ที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับกลุ่มต่อต้านสังคม (ต่อไปนี้เรียกรวมว่า “กลุ่มต่อต้านสังคมฯ”) ตามข้อใดข้อหนึ่งต่อไปนี้
    1. ความสัมพันธ์ที่อยู่ภายใต้การควบคุมการบริหารโดยกลุ่มต่อต้านสังคมฯ
    2. ความสัมพันธ์ที่ใช้ประโยชน์จากกลุ่มต่อต้านสังคมฯ
    3. ความสัมพันธ์ที่กลุ่มต่อต้านสังคมฯ เข้าร่วมในการบริหารงานอย่างมีนัยสำคัญ
    4. ความสัมพันธ์ที่ให้เงินทุนหรืออำนวยความสะดวกแก่กลุ่มต่อต้านสังคมฯ
    5. ความสัมพันธ์ที่ให้คำแนะนำ ร่วมมือ หรือช่วยเหลือในการดำเนินงานหรือการจัดการธุรกิจให้แก่กลุ่มต่อต้านสังคมฯ
  3. ลูกค้าและบริษัทต้องไม่กระทำการใด ๆ ต่อฝ่ายตรงข้ามโดยตนเองหรือผ่านบุคคลที่สามตามข้อใดข้อหนึ่งดังต่อไปนี้
    1. การเรียกร้องที่ใช้ความรุนแรง
    2. การเรียกร้องที่ไม่ถูกต้องเกินความรับผิดชอบทางกฎหมาย
    3. การข่มขู่หรือใช้ความรุนแรงในการทำธุรกรรม
    4. การแพร่กระจายข่าวลือ ใช้เล่ห์กล หรือใช้กำลังทำลายชื่อเสียงฝ่ายตรงข้ามหรือขัดขวางการทำงานของฝ่ายตรงข้าม
    5. การกระทำอื่นใดที่เทียบเท่ากับข้อข้างต้น

 

ข้อที่ 12 (เหตุสุดวิสัย)

หากเกิดเหตุสุดวิสัยที่ลูกค้าหรือบริษัทไม่สามารถควบคุมได้ เช่น ภัยธรรมชาติ ภัยนิวเคลียร์ สงคราม การก่อการร้าย จลาจล การนัดหยุดงาน การแก้ไขหรือประกาศใช้กฎหมาย อุบัติเหตุของระบบขนส่ง การแพร่ระบาดของโรคติดต่อ หรือเหตุสุดวิสัยอื่น ๆ ที่อยู่นอกเหนือการควบคุมอย่างสมเหตุสมผลของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ส่งผลให้การปฏิบัติตามสัญญาใช้งานทั้งหมดหรือบางส่วนล่าช้าหรือไม่สามารถปฏิบัติได้ ลูกค้าหรือบริษัทจะไม่ต้องรับผิดชอบต่ออีกฝ่ายใด ๆ เมื่อต้องใช้บทบัญญัตินี้ ลูกค้าหรือบริษัทต้องแจ้งอีกฝ่ายถึงลักษณะของเหตุสุดวิสัยและภาระหน้าที่ในการปฏิบัติที่ได้รับผลกระทบโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ผ่านทางเอกสารหรือลักษณะอิเล็กทรอนิกส์ และต้องพยายามอย่างสมเหตุสมผลเพื่อลดผลกระทบจากเหตุสุดวิสัยให้ต่ำที่สุด และดำเนินการปฏิบัติหน้าที่ที่ระงับไว้โดยเร็วที่สุด

 

มาตรา 13 (การชดใช้ค่าเสียหาย)

ลูกค้าและบริษัทสามารถเรียกร้องค่าชดเชยความเสียหายจากอีกฝ่ายได้เฉพาะความเสียหายปกติที่เกิดขึ้นจริงโดยตรงอันเป็นผลจากเหตุที่อีกฝ่ายต้องรับผิดชอบตามการปฏิบัติตามสัญญาใช้งานเท่านั้น

 

มาตรา 14 (การชดใช้ความเสียหายต่อบุคคลที่สาม)

  1. หากเกิดความเสียหายกับบุคคลที่สามเนื่องจากเซิร์ฟเวอร์ล่มหรือปัญหาของระบบบริการหรือไซต์บริการที่บริษัทดำเนินงาน อันเนื่องมาจากโครงสร้างพื้นฐานคลาวด์หรือบริการภายนอกอื่น ๆ ที่บริษัทใช้ บริษัทจะรับผิดชอบความเสียหายนั้น
  2. หากเกิดความเสียหายกับบุคคลที่สามอันเนื่องมาจากเซิร์ฟเวอร์ล่มหรือความผิดพลาดของระบบหรือการดำเนินงานระบบโดยลูกค้าโดยใช้โครงสร้างพื้นฐานคลาวด์หรือบริการภายนอกอื่น ๆ ที่ลูกค้าใช้ ลูกค้าจะต้องรับผิดชอบความเสียหายนั้น
  3. หากความเสียหายที่เกิดขึ้นต่อบุคคลที่สามในบริการนี้เป็นผลจากสาเหตุผสมระหว่างสองกรณีก่อนหน้านี้ ลูกค้าและบริษัทจะแบ่งรับผิดชอบตามสัดส่วนของผลกระทบที่แต่ละฝ่ายมี ในกรณีนี้ ลูกค้าหรือบริษัทที่ได้ชดใช้ความเสียหายให้กับบุคคลที่สามสามารถเรียกร้องส่วนแบ่งความรับผิดชอบจากอีกฝ่ายได้ตามบทบัญญัตินี้

 

มาตรา 15 (การยกเลิกสัญญากลางคัน)

  1. ลูกค้าหรือบริษัทสามารถยกเลิกสัญญาใช้งานโดยแจ้งให้อีกฝ่ายทราบเป็นลายลักษณ์อักษรหรือลักษณะอิเล็กทรอนิกส์ก่อนวันสิ้นเดือนของเดือนก่อนเดือนที่ต้องการยกเลิก (ซึ่งต่อไปนี้เรียกว่า "เดือนที่ต้องการยกเลิก") และให้สัญญาสิ้นสุดในวันสุดท้ายของเดือนนั้น
  2. ในกรณีที่บริษัทเป็นฝ่ายยกเลิกสัญญาใช้งานตามวรรคก่อน บริษัทจะคืนเงินค่าบริการรายเดือนสำหรับช่วงเวลาที่เหลือของสัญญาให้ลูกค้าเป็นจำนวนเงินก้อน และจะไม่มีการคำนวณค่าบริการรายเดือนเป็นรายวันในช่วงการยกเลิก
  3. ในกรณีที่ลูกค้าเป็นฝ่ายยกเลิกสัญญาใช้งานตามวรรค 1 ลูกค้าจะต้องชำระค่าบริการรายเดือนที่เหลือของสัญญาเป็นจำนวน 80% ของค่าบริการรายเดือนทั้งหมดเป็นเงินก้อนเดียว และค่าบริการที่ชำระเป็นเงินก้อนนี้จะไม่สามารถขอคืนได้

 

มาตรา 16 (การยกเลิกสัญญา)

  1. ลูกค้าหรือบริษัทสามารถยกเลิกสัญญาใช้งานได้ทันทีโดยแจ้งให้อีกฝ่ายทราบ หากอีกฝ่ายตกอยู่ในกรณีใดกรณีหนึ่งต่อไปนี้
    1. กรณีละเมิดข้อใดข้อหนึ่งของสัญญาใช้งาน และไม่แก้ไขการละเมิดภายใน 14 วันหลังได้รับหนังสือหรือการแจ้งเตือนแบบอิเล็กทรอนิกส์เพื่อขอให้แก้ไข
    2. กรณีที่ตั๋วแลกเงินหรือเช็คที่ออกโดยตนเอง หรือที่รับโอนมาไม่ผ่านการชำระเงิน
    3. กรณีที่ถูกสั่งอายัด ยึด หรือฟ้องร้องดำเนินคดี เช่น การบังคับคดี การขายทอดตลาด หรือการถูกดำเนินการเนื่องจากค้างชำระภาษีหรือค่าธรรมเนียมรัฐบาล
    4. กรณีถูกยื่นคำร้องล้มละลาย การชำระบัญชี การชำระบัญชีพิเศษ การฟื้นฟูกิจการ หรือการฟื้นฟูกิจการของบริษัท หรือเป็นผู้ยื่นคำร้องดังกล่าวเอง
    5. กรณีถูกหน่วยงานกำกับดูแลสั่งระงับการดำเนินงาน หรือเพิกถอนใบอนุญาตหรือการลงทะเบียนประกอบธุรกิจ
    6. ในกรณีที่ถูกพิจารณาว่าเข้าข่ายเป็นกลุ่มต่อต้านสังคม, ใช้ประโยชน์จากกลุ่มต่อต้านสังคม, มีส่วนเกี่ยวข้องในการให้เงินทุนหรืออำนวยความสะดวกแก่กลุ่มต่อต้านสังคม หรือมีความสัมพันธ์ที่ควรถูกตำหนิทางสังคมกับกลุ่มต่อต้านสังคม, ใช้วิธีการฉ้อโกง, การกระทำรุนแรง หรือคำพูดข่มขู่โดยตนเองหรือผ่านบุคคลที่สาม, หรือกระทำการอื่นใดที่ระบุไว้ในบทที่ 11 ของข้อกำหนดการใช้งาน รวมถึงการกระทำที่เทียบเท่า
  2. การยกเลิกสัญญาตามวรรคก่อน ไม่เป็นอุปสรรคต่อการใช้สิทธิเรียกร้องค่าเสียหายกับฝ่ายตรงข้าม

 

มาตรา 17 (ความสัมพันธ์ระหว่างคู่สัญญา)

ลูกค้าและบริษัทปฏิบัติหน้าที่ตามสัญญาใช้งานในฐานะผู้รับจ้างอิสระในการปฏิบัติตามข้อผูกพันหรือการใช้สิทธิของตน และขอยืนยันที่นี่ว่าไม่มีข้อกำหนดใดในสัญญาที่ตีความว่าลูกค้าหรือบริษัทเป็นคู่สัญญาร่วมหรือเป็นตัวแทนของฝ่ายตรงข้าม

 

มาตรา 18 (การสิ้นสุด)

  1. เมื่อสัญญาใช้งานสิ้นสุดลง ลูกค้าและบริษัทต้องคืนหรือทำลายข้อมูลทางเทคนิคที่ได้รับจากฝ่ายตรงข้ามโดยทันทีตามคำแนะนำของฝ่ายนั้น
  2. ข้อกำหนดนี้จะสิ้นสุดการบังคับใช้พร้อมกับการสิ้นสุดของสัญญาใช้งาน
  3. แม้หลังจากสิ้นสุดสัญญาใช้งาน ข้อกำหนดในมาตรา 9 (สิทธิในทรัพย์สินทางปัญญา), มาตรา 10 (การรักษาความลับของข้อมูลทางเทคนิค), มาตรา 13 (การชดใช้ค่าเสียหาย), มาตรา 14 (การชดใช้ค่าเสียหายแก่บุคคลที่สาม), มาตรานี้, มาตรา 21 (การเจรจาแก้ไขข้อขัดแย้ง) และมาตรา 22 (เขตอำนาจศาลที่ตกลงกัน) จะยังคงมีผลบังคับใช้อย่างต่อเนื่อง

 

มาตรา 19 (การปฏิเสธความรับผิดและข้อจำกัดความรับประกัน)

  1. บริษัทไม่รับประกันใดๆ ทั้งโดยชัดแจ้งหรือโดยนัยเกี่ยวกับการใช้บริการนี้โดยลูกค้า บริการนี้ให้ในสภาพปัจจุบัน บริษัทไม่รับประกันว่าบริการจะเหมาะสมกับวัตถุประสงค์เฉพาะของลูกค้า มีฟังก์ชัน คุณค่า ความถูกต้อง หรือประโยชน์ตามที่คาดหวัง หรือว่าการใช้บริการจะเป็นไปตามกฎหมายที่บังคับใช้กับลูกค้า ข้อมูลที่ลงทะเบียนถูกต้อง หรือบริการจะไม่มีข้อบกพร่องใดๆ
  2. บริษัทไม่รับผิดชอบต่อความเสียหายใดๆ ที่เกิดจากการไม่สามารถใช้บริการนี้ได้ หรือความเสียหายหรือความชำรุดของอุปกรณ์ที่เกิดจากการใช้บริการ หรือความเสียหายที่เกิดจากการกระทำของบุคคลที่สาม

 

มาตรา 20 (การอนุญาต)

ลูกค้าอนุญาตให้บริษัทใช้ชื่อบริษัท โลโก้บริษัท และโลโก้บริการ (ซึ่งต่อไปนี้เรียกรวมว่า "โลโก้ฯ") ในการดำเนินกิจกรรมทางการค้าของบริษัทตามรายการต่อไปนี้

หากลูกค้าแสดงความคัดค้านล่วงหน้าต่อการใช้โลโก้ฯ บริษัทจะดำเนินการอย่างรวดเร็วและหยุดใช้โลโก้ฯ ดังกล่าวทันที
บริษัทจะปฏิบัติตามกฎหมายที่ใช้บังคับ และพยายามให้การแสดงโลโก้ฯ ของลูกค้าเป็นไปอย่างเหมาะสมเมื่อมีการใช้

  1. การเผยแพร่กรณีศึกษาการใช้งานและรายชื่อลูกค้าบนเว็บไซต์ของบริษัท
  2. การใช้ในเอกสารการขายและเอกสารการตลาด (เอกสารนำเสนอ โบรชัวร์ ฯลฯ)
  3. การใช้อื่นๆ ในขอบเขตที่สมเหตุสมผลเพื่อการแนะนำและส่งเสริมบริการของบริษัท

 

มาตรา 21 (การฝ่าฝืน)

หากลูกค้าละเมิดข้อกำหนดในมาตรา 6 หรือข้อกำหนดอื่นใดในข้อตกลงนี้ บริษัทสามารถจำกัดหรือระงับการเข้าถึงบริการนี้ของลูกค้าได้ นอกจากจะดำเนินการเรียกร้องค่าเสียหายแล้ว

 

มาตรา 22 (การเจรจาแก้ไขปัญหา)

ประเด็นที่ไม่ได้กำหนดไว้ในข้อตกลงนี้ หรือข้อสงสัยเกี่ยวกับการตีความข้อตกลงนี้ ให้บริษัทและลูกค้าเจรจาอย่างจริงใจเพื่อหาทางแก้ไข

 

มาตรา 23 (เขตอำนาจศาลที่ตกลงกัน)

ข้อพิพาททั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับบริการนี้ ให้ศาลแขวงโตเกียวเป็นศาลชั้นต้นที่มีเขตอำนาจเฉพาะและตกลงร่วมกัน